Wednesday, April 25, 2007

Nepal Trip | Day II

Apr 12.2007

แถวบ้านชิ้นตอนรุ่งเช้านี่ นกเยอะจริงๆ ประมาณสักตี 5 ครึ่ง จะได้ยินเสียงนกหลากหลายสายพันธุ์ แข่งกันร้องกันเจี๊ยวจ๊าวรับวันใหม่ ผสมโรงกับเสียงหมาเห่าแถวๆบ้านบ้างประปราย สงสัยยังไม่คุ้นหูเลยทำให้ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ อีกสองสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เลยเปลี่ยนบรรยากาศจากเตียงนอน ขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่ดาดฟ้าก่อน ท้องฟ้าเมือง Kathmandu โดยรอบยังไม่ตื่นเลย

มื้อเช้า...ที่โต๊ะอาหาร ทุกคนพร้อมหน้า ชา กาแฟ ครัวซอง ขนมปัง น้ำผลไม้ พร้อมเสริฟ ยังกับอยู่โรงแรมหรู เด็กๆกินอาหารเช้ากันเอง น่ารักเชียว วันนี้แผนของเราว่าจะไป Bhaktapur ประเดิมเป็นรายการแรกกันก่อน แต่กว่าจะออกจากบ้านได้ มีด่านสกัดว่าจะต้องเลือกสีผ้า Pashmina ให้เรียบร้อยก่อน เป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า ให้ชิ้นเอาไปสั่งซื้อให้อีกทีจากแหล่งผลิตคุณภาพ ผ้า Pashmina นี่ซื้อสำหรับเป็นของฝากคนสำคัญที่บ้าน chart ตัวอย่างสีผ้าที่ชิ้นเอามาให้เลือก พวกเราดูแล้วดูอีก เลือกแล้วเลือกอีก เพราะสีสวยพอๆกันไปหมด ตัดสินใจยากชะมัดเลยใช้เวลากันเยอะ

10 โมงเช้า ต้องออกเดินทางกันแล้ว ถ้ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสีผ้าเดี๋ยวจะไม่ได้ไปไหนกันพอดี มีนา...แม่บ้านชาวเนปาลช่วยเรียก Taxi และต่อรองให้เสร็จสรรพ ล้อหมุนออกเดินทางมุ่งหน้าไปเมือง Bhaktapur เมืองเก่าที่มีพระราชวังโบราณ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ระหว่างทางก็นั่งชมชีวิตชาวเมืองกันไป ดูเหมือนเมืองเพิ่งจะตื่นจากการหลับใหล เด็กนักเรียนเดินกันกวักไกว่ ตึกรามบ้านช่องแบบเก่าๆ ทรงโบราณ ประตูหน้าต่างเป็นไม้ ฉลุลวดลายละเอียดสวยงาม กลอนประตูเป็นทองเหลือง สวยๆทั้งน้าน ทั้งชุดส่าหรีที่ใส่ก็หลากสีสัน น่าแวะถ่ายรูปไปหมด พอออกนอกเมืองมา บ้านเริ่มปลูกห่างกัน คนเบาบางกว่าในเมือง เริ่มมีต้นไม้เยอะ นาข้าว ชีวิตคนแถวนี้ดูช้าลง

ถึงเมือง Bhaktapur พอ Taxi จอดปั๊บก็มีชายหนุ่มมาเสนอตัวเป็น guide ทันที เขาชื่อ R.N พูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว เมื่อต่อราคากัันเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย พวกเราก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมเป็นลำดับต่อไป พระราชวัง Bhaktapur มีบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมอาคารหลายหลัง เช่น พระราชวังที่มี 55 หน้าต่าง R.N บอกว่าที่มี 55 หน้าต่าง เพราะกษัตริย์มีสนม 55 คน อาคารที่โดดเด่นโดยรอบ จะมีหลังคารูปทรงเหมือนภูเขาซ้อนกันเป็นชั้นๆสูง 3 ชั้นและ 5 ชั้น มีอาคารหลังหนึ่ง ส่วนคันทวยแกะสลักไม้เป็น Kamasutra ดูไปก็อมยิ้มกันไป ไปกันต่อในส่วนของวัดฮินดู ในบริเวณทำพิธีเป็นเขตหวงห้ามเฉพาะ พวกเราจะเข้าไปด้านในไม่ได้ แอบดูจากข้างนอกเข้าไป ข้างในดูเหมือนจะอลังการอยู่นะ R.N แต้มทิก้าสีแดงให้ตรงหน้าผากที่หน้าประตูวัดฮืนดู พวกเราเลยกลายร่างเป็นสาวเนปาลกันไปตามๆกัน อิอิ
ใกล้ๆกันมีบ่อน้ำที่เป็นที่อาบน้ำของกษัตริย์ ส่วนของท่อน้ำแกะทองเหลืองเป็นรูปสัตว์หลายชนิด เป็นงงอยู่ว่ามาอยู่รวมกันได้ไง ไม่รู้ว่ามาจากความเชื่อหรือตำนานของเขาหรือเปล่า ในส่วนของอาคารที่มีหลังคาซ้อนกัน 5 ชั้น ด้านหน้ามีบันได สามารถปีนขึ้นไปชมวิวโดยรอบแบบมุมสูง R.N ยังพาเราเดินผ่านตรอกซอยเล็กๆ ที่มีร้านขายของ บ้านคน และไปยังลาน เครื่องปั้นดินเผา แถวนั้นมีเด็กตัวเล็กๆ ทาขอบตาสีดำ ยืนน้ำมูกยืดให้ถ่ายรูปด้วย ไปต่อยังร้านขายทังก้า เป็นรูปเขียนสีบนกระดาษ ลวดลายละเอียดยิบ เขียนสีเสร็จก็จะเอาไปเย็บติดกับผ้าไว้แขวน ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว เลยถอยดีกว่า ต้องรีบด้วยเพราะต้องทำเวลาให้ทันกลับไป GTZ office ตอนบ่าย 2 พวกเรามีนัดกับคุณโรชาน นี่ก็เลยเวลาเที่ยงมาสักพักแล้ว เลยต้องรีบหาข้าวกลางวันใส่ท้อง กินกันแถวนั้นให้เสร็จเรื่องไป มาโบกมือ bye bye R.N ตอนบ่ายโมงกว่า มุ่งหน้าเข้าเมือง

Late ไปเล็กน้อยเมื่อเจอคุณโรชาน พวกเราเริ่มออกเดินไปตามถนนฝุ่นเยอะด้านข้าง GTZ office คุณโรชานกำลังจะพาพวกเราไปชมเมือง Patan เมืองเก่าที่อยู่ติดกับ kathmandu ที่มีแค่แม่น้ำบักมาตีกั้น จากถนนรถผ่านได้มาเดินเข้าซอยเล็กๆ สำหรับคนผ่านเท่านั้น เราเดินผ่านวัดหลายวัด ทั้งวัดพุทธและวัดฮินดู เล็กบ้างใหญ่บ้าง ผ่านชุมชนหลายๆที่ แต่ละชุมชนเขาจะที่มีพื้นที่สาธารณะใช้ร่วมกันตรงกลาง เช่น เป็นสวน สนามเด็กเล่น บ่อน้ำ มีเจดีย์ มีวัด ทุกบ้านจะรู้จักกันหมด ได้เข้าชมงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่จัดขึ้นแถวนั้น เดินต่อเรื่อยๆจนมาถึงวัดทอง เป็นวัดพุทธ ซึ่งมีเครื่องประดับตกแต่งส่วนใหญ่ทำมาจากทองเหลือง จึงเป็นสีทองไปทั้งวัด ขนาดบริเวณโดยรอบไม่ใหญ่มากนัก มีเสียงพระสวดจากด้านใน น่าจะเป็นทำนองแบบธิเบตนะ...เดาเอา และไปชม Patan Square highlight ของเมืองนี้ หน้าตาของอาคารสถาปัตยกรรม การวางผังจะคล้ายๆกับพระราชวัง Bhaktapur ผู้คนเยอะเยอะมากมายที่ square แห่งนี้ เราไม่มีเวลาพอที่จะเข้าไปชมด้านใน จึงถ่ายรูปอยู่ด้านนอก สักพักคุณโรชานชวนไปนั่งจิบน้ำชาที่ร้านอาหารแถวนั้น ซึ่งมีวิวดีสามารถมองลงมาเห็น Patan Square ได้ในอีกมุมมองหนึ่ง จริงๆแล้วเหตุที่ต้องมานั่งชมวิวที่ร้านนี้ มาจาก ตอนที่พวกเรากำลังถ่ายรูปกันอย่างเมามัน มีเจ้าหน้าที่ี่มาคุยกับคุณโรชานและขอให้พาพวกเราออกไป เนื่องจากพวกเราไม่ได้ ซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งคุณโรชานเขาเห็นว่าไม่คุ้มกับราคาค่าตั๋วหลายร้อยรูปี ถ้าเรามีเวลาตรงบริเวณนี้แค่แป๊บเดียว ก็เลยเป็นเหตุให้ต้องมาจิบน้ำชาชม Patan Square ในมุมนี้แทน

แยกกับคุณโรชานตอน 5 โมงเย็น เพราะเรามีนัดกับลุงเปรมที่ Diana Travel เพื่อไปรับตั๋วเครื่องบินขากลับจาก Pokhara ใช้บริการ Taxi ไป Thamel เหมือนเดิม ตอนนี้เริ่มคุ้นเคยกับถนนหนทางมากขึ้น เริ่มจับทิศทางถูก รับตั๋วเรียบร้อย มีเวลาเดินเล่นเตร็ดเตร่แถวนั้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะไปเจอชิ้นที่ร้านอาหาร Bhojan Griha ตอน 1 ทุ่ม

ใช้บริการ taxi เหมือนเดิม แต่ออกสำเนียงภาษาไม่ถูกต้อง คนขับอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เลยเหนื่อยต้องลงไปถามทางหลายหนกว่าจะถึงร้าน เจอชิ้นและ Armin รออยู่แล้ว ร้านนี้เป็นร้านอาหารใหญ่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไป และต้องจองที่มาล่วงหน้า ซึ่งร้านนี้มีทีเด็ดตรงมีการแสดง Nepali dance และมีนักดนตรีที่เป็น entertainer ชั้นยอด ชิ้นเรียกอีตาคนนี้ว่า 'หมีพู' บรรยากาศร้านตกแต่งแบบเนปาล นั่งกับพื้น 4 สาวได้โต๊ะนั่ง Ring size ติดกับนักดนตรี ส่วน Armin ไปร่วมวงกับโต๊ะ GTZ การแสดงทะยอยมาเป็นชุดๆ พร้อมกับเสริฟอาหารเนปาลทีละอย่าง คุณหมีพูปล่อยมุขให้ฮาได้เรื่อยๆ แถมมีส่งสายตาแอบปิ๊งสาวบิ๋มโต๊ะเราซะด้วย ขนาดมาจับเข่าคุยขอเบอร์กันเลยเชียว โชว์สุดท้ายมีการโค้งให้แขกออกไปร่วม Dance โต๊ะเราส่งสาวบิ๋มออกไป เต้นๆ กระโดดๆ หมุนไปหมุนมาอยู่จนจบเพลง เล่นเอาป้าบิ๋มของเราเหงื่อตก จบการแสดงถึงเวลาร่ำลา หมีพูมีหน้าเศร้าๆ ยืนโบกมือไหวๆให้สาวบิ๋มของเราตรงหน้าต่างชั้นบน โถ! ไปซะแล้ว ยังไม่ได้เบอร์สาวเลย!!! 55555

No comments: