Friday, March 16, 2007

โอ้สวนรถไฟ เจ้าไม่น่าทำกันเลย

วันที่ 13 มีนาคม 2550 ตอนเย็นหลังเลิกงาน นัดกับพวกพี่หลอและพี่เดือน ไปออกกำลังกายกันที่สวนรถไฟ เพราะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ จากสวนลุมที่ไปประจำมาเป็นสวนใกล้ๆแถวที่ทำงานดูบ้าง ยิ่งมีเพื่อนไปกันหลายๆคนก็น่าสนุกดี พวกเราออกจาก Office กันประมาณ 6 โมงเย็น ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ถึงสวนรถไฟ โดยจอดรถริมถนนกำแพงเพชร 3 ซึ่งเป็นถนนเชื่อมระหว่างด้านหลังสวนจตุจักรและสวนรถไฟ ซึ่งแถวนั้นมีรถจอดกันเยอะ ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วง และยังไม่ไกลจากสะพานเข้าสวนรถไฟด้วย เปิดท้ายเพื่อให้พี่เดือนย้ายของมาเก็บที่ท้ายรถ ดูแล้วน่าจะปลอดภัยกว่าทิ้งไว้ในรถ ส่วนเราก็เปลี่ยนกางเกงและรองเท้าวิ่งเตรียมลงสนามเต็มที่ คนในสวนกำลังเยอะได้ที่ทีเดียว มีทั้งมาขี่จักรยาน วิ่ง เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ ฟิตเนส โยคะ นั่งเล่นดูการแสดงดนตรี แดดร่มลมตก บรรยากาศดี๊ดี พวกเราลองเดินรอบใหญ่ 1 รอบก่อนเป็นการสำรวจสถานที่และ Warm up ร่างกาย เมื่อได้ที่จึงเริ่ม Jogging ช้าๆไปเรื่อยๆ พี่หลอนำ เราตาม ส่วนพี่เดือนขอเดินตามหลัง ขณะนั้นพระอาทิตย์ตกดินไปเรียบร้อย คนเริ่มบางตา และแสงไฟก็ส่องสว่างเป็นบางจุด มีเสียวๆกลัวโดนฉุดอยู่เหมือนกัน ดีว่ามีพี่หลอมาด้วย ไม่งั้นคงไม่ขอวิ่งรอบใหญ่ พอวิ่งมาถึงจุดนัดพบ cool down ร่างกายเล็กน้อย ตอนนั้นคนทยอยกลับกันเยอะแล้ว แต่พอดีเราเห็นคนเล่นโยคะกับ Fitness เลยชวนกันไปถามข้อมูล เผื่อว่าจะมาสมัครเป็นสมาชิกถ้าราคาไม่แพง เออ! จริงด้วยของถูกและดียังมีในโลก ค่าสมาชิกปีละ 40 บาทเอง เครื่องเล่นใน Fitness ก็มีพอสมควร ถ้าจะว่ายน้ำเสียอีก 15 บาทต่อครั้ง ส่วนถ้าจะเล่นโยคะ ต้องมาสืบเอาว่าจะเปิด Course ช่วงไหน ค่าเรียนไม่แพงเช่นกัน....น่าสนใจที่สู๊ดดด!!!! มีเข้าไปทดลองห้อง Fitness กันด้วย แต่ได้ลองแป๊บเดียวเพราะเขาปิดทุ่มครึ่ง เรายังออกมานั่งรับลมคุยกันข้างนอกต่ออีก ว่าน่าจะมากันอีกวันหลัง อย่างน้อยให้ได้อาทิตย์ละครั้ง และแถมจะไปโปรโมทชักชวน ให้เพื่อนร่วมงานมาออกกำลังเพื่อสุขภาพกันอีกหลายคน ตอนขากลับออกมาที่จอดรถ ขณะนั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ทุ่ม รถที่จอดกันเยอะๆตอนขามาหายไปเยอะแล้ว ที่รถ..พยายามจะไขกุญแจประตูด้านคนขับ แต่ไขไม่ได้ คิดอยู่ในใจว่ามันผิดปกติแต่พยายามคิดในสิ่งดีๆไว้ก่อน เมื่อไขด้านข้างขวาไม่ได้ก็เลยเดินไปไขข้างซ้ายแทน และเปิดกระโปรงหลังให้พี่เดือนเอาของออก แต่พี่เดือนกลับมาถามว่า เราเอาของเข้าไปไว้ในรถแล้วเหรอ? อ้าว! ก็เดินมาด้วยกันจะย้ายของตอนไหนหล่ะพี่จ๋า? พี่เดือนพยายามจะปิดกระโปรงหลังแต่ปิดเท่าไหร่ก็ปิดไม่ลง เราเลยลงไปดู เฮ้ย! ทำไมปิดไม่ลงเหมือนกัน แต่เหลือบไปเห็นรูกุญแจ ไหงมันแปลกๆวะ มีไส้โลหะบิดเป็นเกลียวติดอยู่ เปิดดูของในรถอีกที แทบลมใส่ เพราะกระเป๋า Notebook กระเป๋าตังค์ หายหมดทั้งของเราและของพี่เดือน ส่วนพี่หลอโชคดีสุด ที่ไม่ได้พกของมีค่ามาด้วย ตอนนั้นใจหายวูบ เพราะของที่หายไปมันเป็นของมีค่าและสำคัญทั้งนั้น รวมๆมูลค่าแล้วน่าจะหลายหมื่นอยู่ เมื่อรู้ว่าโดนเข้าให้แล้ว ก็ต้องตั้งสติว่าจะต้องไปแจ้งความกับสน.ที่ใกล้ที่สุดเป็นอันดับแรก ขับรถออกไปทั้งๆที่ฝากระโปรงท้ายพะเยิบพยาบขึ้นๆลงๆ เจอป้อมตำรวจตรงจุดตัดแยกถนนพหลโยธิน แต่มอเตอร์ไซต์รับจ้างแถวนั้น บอกว่าที่ป้อมนี้ไม่รับแจ้งความ ต้องไปแจ้งที่สน. บางซื่อ เอ้านะ เป็นคนไทยต้องอดทน ทำใจเย็นขับรถไปกันต่อจนถึงที่สน. ซึ่งอยู่แถวสะพานควาย รถกำลังติดหนึบได้ที่ทีเดียว ขณะอยู่ในรถก็ถอนหายใจกันเฮือกๆ นึกถึงของ ต้องให้กำลังใจกัน ไม่งั้นเดี๋ยวไปไม่รอด พอถึงที่สถานีก็ตรงเข้าไปแจ้งร้อยเวรก่อน เขาแนะนำให้ไปหาแผนกสืบสวนที่ชั้น 4 ก่อน เอ้า! ปีนกระไดกันขึ้นไป เจอให้ปากคำว่ามีอะไรหายบ้าง ไล่เรียงกันไปเป็นชุดๆ คุณตำรวจบอกให้ไปจดเลข ​imei ที่กล่องโทรศัพท์มือถือมา แล้วค่อยโทรมาบอกวันหลัง เผื่อจะใช้เป็นข้อมูลสืบสวนได้ แกให้เบอร์ติดต่อกลับ แกชื่อ จ่าแก่ ดูเป็นตำรวจรุ่นเก๋าๆหน่อย พูดจาดีมีหลักการ ค่อยใจชื้นขึ้นมานิดนึง เอาวะชีวิตดูยังมีหวัง เดินลงมาชั้นล่าง ไม่นึกว่าต้องมาบันทึกแจ้งความเหมือนกันทุกอย่างเป๊ะอีกรอบกับร้อยเวร ที่ดูเหมือนไร้ความรู้สึกร่วมกับผู้ที่กำลังจิตตก ถอนหายใจใส่ไปหลายเฮือก ก่อนจะกลั้นใจท่องรายการของหาย เหมือนท่องอาขยานตอนเด็ก ค่ะ! เหตุเกิดที่...เวลา...กำลังไปออกกำลังกาย...เจอรถโดนงัด...ของที่หายก็มีดังนี้คือ
1. Computer Notebook เป็นยี่ห้อ MAC หรือ Apple หน่ะค่ะ รุ่น iBook G4 12" สีขาว
2. กล้อง Digital Panasonic รุ่น FX9 สีแดง
3. โทรศัพท์มือถือ Sony Erricson สีขาว ใช้ระบบ DTAC
4. โทรศัพท์มือถือ Nokia ใช้ระบบของ AIS
5. กระเป๋าสตางค์พร้อมเงินสดประมาณ 1,500 บาท
6. บัตรปชช.
7. ใบขับขี่ส่วนบุคคลตลอดชีพ
8. บัตรประกันสุขภาพของ Bupa
9. บัตรประกันชีวิตของ AIA
10. บัตรพนักงานบริษัท
11. บัตรเครดิต 2 ใบ เป็นของ KTC ธ. กรุงไทย และบัตร Central Master Card
12. บัตร ATM 2 ใบ เป็นของ ธ. กรุงเทพและ ธ. กรุงศรี

ส่วนของพี่เดือนมีดังนี้คือ.....Bla Bla Bla ไปอีกชุด บันทึกใบแจ้งความยาวเหยียด คืออารมณ์ตอนนั้นมันร้อนใจ ไม่อยากมาเล่าอะไรซ้ำๆซากๆ Rewind เทปไปมา หมดตัว เงินไม่มีสักบาท โทรศัพท์ก็ไม่มี ติดต่อใครไม่ได้ บัตรสารพัดชนิดยังไม่ได้โทรไปอายัติ โอ้ย!!!! อะไรกันวะเนี่ย ชักหงุดหงิดแล้วนะโว้ย! คุณตำรวจ แต่สงสัยว่าคงคิดดังจนอาการแสดงออกทางสีหน้า คุณร้อยเวรเลยให้ยืมโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาให้ โทรไปอายัติบัตรทั้งหลายแหล่ เริ่มได้ใจอีตอนไปช่วยหาเบอร์โทรมาให้ด้วย ค่อยดูเป็นตำรวจที่ดีของประชาชนขึ้นมาหน่อย แต่ไอ้พวกเบอร์ที่โทรไปอายัติบัตรแต่ละที่นี่สิ แม่ง! ให้ตายเหอะ! ทำไมกว่าจะมีคนเป็นๆมารับสาย ใช้เวลานานฉิบ_าย? ให้กดให้ฟังเครื่องรับอยู่ได้ ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดนะเฟ้ย!! กว่าจะโทรเสร็จ คาดว่าใช้เวลาไปไม่ตำ่กว่าครึ่งชม. คงจะกินเงินคุณตำรวจไปหลายบาททีเดียว แต่ยังมีเรื่องขอร้องให้คุณตำรวจช่วยอีก คือไอ้ฝากระโปรงท้ายมันมีปัญหาอยู่ ขากลับบ้านต้องขับขึ้นทางด่วนด้วย เดี๋ยวจะโดนกักตัวแถวด่านอดกลับบ้านซะก่อน เลยขอให้คุณตำรวจช่วยหาเชือกผูกท้ายให้หน่อย ลูกพี่ร้อยเวรคนเดิมหันไปสั่งงานลูกน้องหรือเพื่อนตำรวจก็ไม่รู้ ที่กำลังกินข้าวโชว์อยู่อย่างเอร็ดอร่อย ทำหน้าบอกเหมือน กูกำลังกินข้าวอยู่...กูไม่อยากไปง่ะ ลูกพี่เลยต้องใส่ลูกคะยั้นคะยอว่าให้ไปช่วยพี่ๆเขาหน่อย มีแต่ผู้หญิง อีตาตำรวจคนนั้นถึงได้ละจากห่อข้าวตรงหน้าได้ ถึงจะไม่เต็มใจก็เหอะนะ พี่หลอช่วยพาไปที่รถ เขาเอายางเส้นดำๆตัดจากยางรถยนต์มาผูกให้ ค่อยยังชั่ว เสร็จเรื่องจากโรงพัก เวลาขณะนั้นน่าจะประมาณ 3ทุ่มเกือบ 4 ทุ่มได้ พี่เดือนกับพี่หลอจะกลับไปบริษัทก่อน เพราะพี่เดือนไม่มีกุญแจบ้าน และจะไปโทรแจ้งอายัติบัตรอีก เราเลยอาสาขับไปส่ง ไหนไหนก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่า ละครเกือบจบแล้ว ยังนึกในใจอยู่ว่า เนี่ยเรายังโชคดีที่รถยังอยู่ และมีกุญแจบ้านสำรองอยู่ในรถ ไม่งั้นชีวิตจะลำบากกว่านี่อีกหลายเท่าตัว เอาวะถือว่าเราคงติดหนี้กรรมอะไรมันมา เลยโดนมันมาเอาคืน ชีวิตยังอยู่ก็ดีแล้ว ของหาย...หาเอาใหม่ได้ แต่พอมานั่งนึกอีกที ก็เกิดเครียดขึ้นมาอีกซะงั้น ก็ไอ้ข้อมูลที่อยู่ใน iBook มีทั้งงานที่บริษัท และทั้งของตัวเอง Email ติดต่อกับเมืองนอก โอ้ย! ชีวิตบัดซบ!!! เศร้าของจริง ไม่ไหวแล้ว ไหว้พระแล้วไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ยังต้องทำอะไรอีกเยอะแยะ เตรียมพลังงานไว้ลุยดีกว่า ว่าแล้วก็...คร่อกฟี้!!! ม่อยหลับไปในบัดดล

No comments: